BBH Forum

Members Login
Username 
 
Password 
    Remember Me  
Post Info TOPIC: เปิดบันทึกนักชกญี่ปุ่นที่ได้แชมป์โลกจากต่างแดน


Guru

Status: Offline
Posts: 1702
Date:
เปิดบันทึกนักชกญี่ปุ่นที่ได้แชมป์โลกจากต่างแดน
Permalink  
 


เปิดบันทึกนักชกญี่ปุ่นที่ได้แชมป์โลกจากต่างแดน 


เผยแพร่ในนิตยสารน็อคเอาท์ ฉบับ มวยโลก เล่มที่ 1719, เล่มที่ 1720 (แก้ไขครั้งที่ 1) และ เล่มที่ 1721 (ปรับปรุงเนื้อหาและแก้ไขครั้งที่ 2)


ปัจจุบันนี้หากจะบอกว่าเป็นยุคทองมวยโลกของประเทศญี่ปุ่นนั้น ก็คงจะไม่ผิดเพี้ยนไปสักเท่าใดนัก เพราะมีแชมป์โลกมวยสากลอาชีพชายมากถึง 11 คนนั่นเอง (แม้ว่า "ซ้ายพระเจ้า" ชินสึเกะ ยามนากะ พึ่งจะเสียแชมป์โลกรุ่นแบนตั้มเวตของ WBC คาบ้านไปหมาดๆก็ตาม) โดยล่าสุดนั้นทุกคนก็คงรู้ดีว่า โช คิมูระ นักชกในสังกัดของ อาโอกิ ยิม ที่มีทาง สิงห์หยก ส.จิตรลดา หรือที่มีชื่อจริงว่า นายมาซายูกิ อาริโยชิ อดีตนักมวยไทยเมื่อหลาย 10 ปีก่อนเป็นผู้จัดการนั้น เพิ่งจะเดินทางไปกระชากเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นฟลายเวตของ WBO มาจากเมืองจีน ด้วยการเอาชนะ TKO "มนุษย์ทองคำ" โจว  ซื่อ หมิง หรือที่คนไทยเราเรียกขานกันติดปากว่า ซู ชิหมิง ตามตัวอักษรพินอินที่อ่านแบบการสะกดคำในภาษาอังกฤษ (ซึ่งความจริงไม่ใช่) ซูเปอร์สตาร์มวยโลกชาวจีนไปได้ในยกที่ 11 พร้อมทั้งหอบเข็มขัดแชมป์โลกกลับบ้านไปได้อย่างยิ่งใหญ่ ขึ้นแท่นเป็นแชมป์โลกชายคนล่าสุดคนที่ 84 ของประเทศ (นับรวม 3 แชมป์โลกต่างชาติ ที่ถูกนำไปสร้างสรรค์ในญี่ปุ่นด้วย อันได้แก่ ยูริ อาร์บาชาคอฟ, ออร์ซุลเบ็ค นาซารอฟ และ เด่น จุลพันธ์)


และจากการที่เราคุ้นเคยกับภาพของนักชกญี่ปุ่นที่ก้าวขึ้นชิงแชมป์โลกในประเทศเสียเป็นส่วนใหญ่ หลายต่อหลายคนจึงเข้าใจกันว่า โช คิมูระ นั้น คือนักชกญี่ปุ่นรายแรกที่สามารถจะคว้าเข็มขัดโลกจากต่างแดน (ไม่นับแชมป์เฉพาะกาลและแชมป์สถาบันที่ JBC ไม่ได้ให้การรับรองในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งก็คือ โกกิ เอโตะ ที่ชิงแชมป์เฉพาะกาลรุ่นฟลายเวตของ WBA ได้จากเมืองไทย ) แต่ความจริงแล้วในอดีตก่อนหน้านั้น มีนักมวยญี่ปุ่นถึง 9 รายด้วยกัน ที่สามารถจะคว้าเข็มขัดแชมป์โลกมาครองได้สำเร็จ จากการชิงชัยยังต่างแดน (แต่หากจะนับเฉพาะที่ทาง JBC รับรองก็จะมีเพียงแค่ 7 ราย) ซึ่ง "ลุยมวยโลกสไตล์นาย... บ็อกซิ่ง-บอย" ก็จะนำรายละเอียดมาเล่าสู่กันฟังดังต่อไปนี้


01 โชโซ ไซโจ้.jpg


อันว่านักชกญี่ปุ่นคนแรกที่ได้แชมป์โลกมากจากแดนไกลนั้น ความจริงนั้นเกิดขึ้นมานานมากแล้ว ตั้งแต่เมื่อ 49 ปีก่อน และเขาคนนั้นก็คือ โชโซ ไซโจ้ (29-7-2; 8KO) นักชกเจ้าของฉายา "ซินเดอเรลล่า บอย" จากไซตามะ ที่คว้าแชมป์โลกรุ่นเฟเธอร์เวตของ WBA มาครองได้สำเร็จ ด้วยการชนะคะแนน 15 ยก เหนือต่อ ราอูล โรฮาส แชมป์โลกชาวอเมริกัน เมื่อวันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 1968 ที่มหานครลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา แถมยังเป็นชัยชนะที่ขาดลอยเสียด้วย เพราะได้นับในยกที่ 6 ตุนเอาไว้ โดยกรรมการทั้ง 3 นายนั้นให้ทางไซโจ้ชนะไปขาดลอย 13-3, 11-5 และ 10-5 ตามระบบให้คะแนนแบบยุคโบราณ เรียกว่าหากจะพยายามดั้นเมฆอย่างไรก็คงจะทำไม่ได้อย่างแน่นอน


02 คูนิอากิ ชิบาตะ.jpg


ส่วนรายต่อมานั้นพิเศษหน่อย เพราะนอกจากเขาจะเป็นเจ้าของแชมป์โลก 2 รุ่น เข็มขัด 3 เส้น ซึ่งก็คือรุ่นเฟเธอร์เวตของ WBC และ ซูเปอร์เฟเธอร์เวตของทั้ง WBC และ WBA แล้ว แต่ คูนิอากิ ชิบาตะ (47-6-3; 25KO) นั้น ยังชิงเข็มขัดแชมป์โลก 2 ใน 3 เส้น ได้มาจากต่างประเทศอีกด้วย โดยครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 1970  ซึ่งชิบาตะนั้นสามารถที่จะเอาไล่ถลุง วินเซนเต้ ซาลดิวาร์ แบบชนิดที่เรียกได้ว่ายำใหญ่กันเลยทีเดียว จนเจ้าของตำแหน่งชาวเม็กซิกันนั้นต้องขอยอมแพ้หลังจากจบยกที่ 12 พร้อมยอมมอบเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นเฟเธอร์เวตของ WBC ให้กับนักชกญี่ปุ่นไปแต่โดยดี ในการชกที่ติฮัวน่า ประเทศเม็กซิโก อันเป็นถิ่นของทางซาลดิวาร์เองอีกด้วย จากนั้นในอีก 3 ปีต่อมาเขาก็ได้ข้ามรุ่นขึ้นไปเอาชนะคะแนน เบน วิลญาเฟลอร์ กระชากแชมป์ซูเปอร์เฟเธอร์เวตของ WBA จากเอวของนักชกฟิลิปปินส์ มาครองได้สำเร็จอีกตำแหน่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 2973 ที่ฮอนโนลูลู มลรัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา และจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีนักชกรุ่นลูกรุ่นหลานจากแดนอาทิตย์อุทัยคนใดเลย ที่จะสามารถทำสถิติชิงแชมป์โลกได้จากต่างแดนถึง 2  ครั้ง 2 ครา เหมือนกับทางชิบาตะอีกเลย


03 โชจิ โองูมะ.jpg


รายที่ 3 ได้แก่ โชจิ โองูมะ (38-10-1; 20KO) แชมป์โลกรุ่นฟลายเวตของ WBC 2 สมัย ที่สามารถคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 มาครองได้สำเร็จ ด้วยการบุกไปเอาชนะน็อค ปาร์ค ชาน ฮี เจ้าของตำแหน่งชาวเกาหลีใต้ถึงกรุงโซลในยกที่ 9 เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ. 1980 กลับมาเป็นแชมป์โลกรุ่นฟลายเวตของ WBC ได้สำเร็จอีกครั้ง แถมโองูมะนั้นยังเปิดโอกาสให้ปาร์คกลับมาชิงแชมป์โลกคืนกับเขาในญี่ปุ่นอีกถึง 2 ครั้ง และก็สามารถที่จะเอาชนะคะแนนนักชกพลังโสม ป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกเอาไว้ได้ทั้ง 2 ครั้งอีกด้วย


04 ยาสุสึเนะ อูเอฮาร่า.jpg


ส่วนรายที่ 4 นั้นก็คือ ยาสุสึเนะ อูเอฮาร่า (27-5-0; 21KO) แชมป์โลกกำปั้นหนักในพิกัดรุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวตของ WBA ที่ควงหมัดพระเจ้าส่งร่างของ ซามูเอล เซอร์ราโน่ เจ้าของตำแหน่งชาวเปอร์โตริกันลงไปกองได้สำเร็จในยกที่ 6 หลังจากที่คะแนน 5 ยกแรกนั้นแพ้รวดทุกยก คว้าเข็มขัดแชมป์โลกรุ่น 130 ปอนด์ของ WBA มาครองได้อย่างล็อคถล่ม เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1980 ที่เมืองดีทรอยต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ชนิดที่เทางนิตยสารเดอะริงก์นั้น ต้องจัดให้มวยคู่นี้เป็นคู่พลิกล็อคแห่งปีค.ศ. 1980 กันเลยทีเดียว


05 ทาดาชิ มิฮาระ.jpg


สำหรับรายที่ 5 นั้นก็คือ ทาดาชิ มิฮาระ (24-1-0; 15KO) นักชกรุ่นใหญ่ชาวญี่ปุ่น เจ้าของฉายา "โอเรียนทัล เอ็กซ์เพรส" หรือ "รถด่วนแห่งภาคตะวันออก" ที่หักปากาเซียนพลิกชนะคะแนน ร็อคกี้ แฟร็ตโต้ นักชกชาวอเมริกัน ด้วยเสียงข้างมากในกำหนด 15 ยก ด้วยคะแนน 145-140, 144-143 และ 142-142 ที่มหานครนิวยอร์ค  ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนค.ศ. 1981  พร้อมทั้งยัดเยียดความปราชัยเป็นครั้งแรกในชีวิตการชกมวยอาชีพให้กับ ร็อคกี้ แฟร็ตโต้ อีกด้วย


06 อคิโนบุ ฮิรานากะ.jpg


ส่วนรายที่ 6 นั้นได้แก่ อคิโนบุ ฮิรานากะ (20-2-0; 18KO) นักชกรุ่นใหญ่เคราดก ที่สร้างปรากฏการณ์ช็อคโลกด้วยการบุกเอาชนะ TKO เจ้าของตำแหน่งชาวเม็กซิกัน เอ็ดวิน โรซาริโอ ได้แค่เพียงยกแรก คาบ้านของโรซาริโอเอง เมื่อวันที่ 10 เมษายน 1992 โดยฮิรานากะใช้เวลาเพียงแค่ 1 นาที กับอีก 32 วินาทีเท่านั้น ก็สามารถที่จะควงกำปั้นดินระเบิดของเขา ไล่ถลุงแชมป์โลกคนดังจากแดนจังโก้ถึงกับเข่าอ่อนได้ 2-3 ครั้ง ก่อนที่ไอ้เคราดกจะได้จังหวะรัวหมัดไม่ยั้ง จนกระทั่งกรรมการผู้ห้ามบนเวทีนั้นเห็นว่าทางโรซาริโอเริ่มไม่ตอบโต้แล้ว จึงเข้ามาขวางและยุติการชก ก่อนที่จะชูมือให้ฮิรานากะเป็นฝ่ายชนะ TKO ไปในทันที จึงนับว่าเขาเป็นนักชกญี่ปุ่นรายสุดท้ายที่ทาง JBC ให้การรับรองว่า สามารถชิงแชมป์โลกมาได้จากต่างประเทศ ก่อนที่จะมาถึงคิวของทาง โช คิมูระ คนล่าสุดนี้


07 คาสึนาริ ทาคายาม่า.jpg



อย่างไรก็ดีก่อนที่คิมูระจะประสบความสำเร็จอย่างในตอนนี้ ก็มีนักชกญี่ปุ่นอีก 2 ราย ที่สามารถจะคว้าเข็มขัดแชมป์โลกมาครองได้จากการชิงชัยนอกบ้าน ซึ่งรายแรกนั้นก็คือนักชกแมวเก้าชีวิต คาสึนาริ ทาคายาม่า (31-8-0; 12KO) ที่มีฉายาอย่างเป็นทางการว่า "ไลท์นิ่ง คิด" หรือ "เด็กสายฟ้า" แชมป์โลกรุ่น 105 ปอนด์ของ WBC/IBF/WBO และแชมป์เฉพาะกาลของ WBA ในรุ่นเดียวกัน คู่ปรับเก่าของ เด่น จุลพันธ์ อดีตแชมป์โลกรุ่นมินิมั่มเวตของ WBC ชาวไทย ที่เคยตัดสินใจวางนวมในประเทศญี่ปุ่นระหกระเหินออกไปตายเอาดาบหน้า ภายใต้การสนับสนุนของ อลา บ็อกซิ่ง โปรโมชั่นส์ ของฟิลิปปินส์ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่แชมป์โลกรุ่นมินิฟลายเวตของ IBF และ WBO 2 สถาบันมาตราฐานที่ตอนนั้นทาง JBC ยังไม่ได้ให้การรับรอง โดยทาคายาม่านั้นมีโอกาสได้ขึ้นชิงแชมป์โลกรุ่นมินิฟลายเวตของ IBF ด้วยกันถึง 3 ครั้ง ก่อนที่จะประสบความสำเร็จ แถมในการชิงครั้งหลังสุด นั้นยังถูก มาริโอ โรดริเกซ เจ้าของตำแหน่งชาวเม็กซิกัน ต่อยร่วงในยกที่ 3 อีกด้วย อย่างไรก็ดีทาคายาม่านั้นก็กลับมาควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ ก่อนที่จะเอาชนะไปในท้ายที่สุดด้วยคะแนน 115-113, 116-111 และ 118-109 คว้าแชมป์โลกรุ่นมินิฟลายเวตของ IBF มาครองได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 2013 ที่เมืองซินาโลอา ประเทศเม็กซิโก แต่ตอนนั้นทาง JBC ยังไม่ได้ให้การรับรองสถาบัน IBF เหมือนอย่างทุกวันนี้ และล่าสุดนั้นทางทาคายาม่านั้นก็ทำเซอร์ไพร้ส์อีกครั้ง ด้วยการประกาศแขวนนวมกับทาง JBC อีกเป็นหนที่ 2 แต่คราวนี้กลับเปลี่ยนเป้ามาเป็นการเข้าร่วมชิงชัยในมหกรรมกีฬาโอลิปิกเกมส์ ค.ศ. 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น จะเป็นเจ้าภาพ หลังจากที่ทางไอบ้า (AIBA) นั้น ได้เปลี่ยกฎให้นักมวยสากลอาชีพนั้น สามารถที่จะกลับมาขึ้นชกมวยสมัครเล่นได้อีกครั้ง อย่างไรก็ดีทางสหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศญี่ปุ่น หรือ JABF นั้น ก็ยังไม่ยินยอมให้ทางทาคายาม่านั้น มาขึ้นทะเบียนเป็นนักมวยสากลสมัครเล่นของประเทศญี่ปุ่นแต่อย่างใด เพราะทาง JABF นั้นไม่เห็นด้วยกับทางไอบ้าเกี่ยวกับกรณีนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว ก็ต้องติดตามดูกันต่อไปว่าทางทาคายาม่านั้น จะหาทองออกเกี่ยวกับกรณีนี้ได้อย่างไร


08 โตโมกิ คาเมดะ.jpg


ส่วนอีกรายหนึ่งนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะก็คือ โตโมกิ คาเมดะ (34-2-0; 20KO) น้องสามของตระกูลเต่าซ่าส์ของพ่อชิโร่นั่นเอง ที่เราๆคุ้นเคยกับฉายา "เอล เม็กซิคานิโต้" หรือ "เม็กซิกันน้อย" แต่ความจริงหมอนี่ยังมีฉายาในภาษาญี่ปุ่นอีกอย่างหนึ่งว่า "คาเมดา-เก ไซชึเฮกิ" หรือ "อาวุธสุดยอดของตระกูลคาเมดะ" โดยทางโตโมกินั้นสามารถที่จะเอาชนะคะแนนทาง เปาลุส อัมบุนด้า เจ้าของเข็มขัดคนเก่าชาวนามิเบีย แย่งแชมป์โลกรุ่นแบนตั้มเวตของ WBO มาครองได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 2013 ที่เซบูซิตี้ ประเทศฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ดีทาง JBC นั้น ก็ไม่ได้รับรองการชกไฟต์ดังกล่าวนี้แต่อย่างใด เพราะในช่วงเวลานั้น ทาง JBC ยังไม่ได้ให้การรับรองสถาบัน WBO เหมือนอย่างทุกวันนี้ อย่างไรก็ดีปัจจุบันทางโตโมกินั้น ก็ยังคงขึ้นชกมวยสากลอาชีพอยู่ โดยข้ามรุ่นไปขึ้นชกในพิกัด 122 ปอนด์แล้ว ภายใต้การสนับสนุนของค่ายเก่าของ 2 พี่ชายของเขา นั่นก็คือ เคียวเอ้ โปรโมชั่นส์ นั่นเอง โดยทางโตโมกินั้นก็มีเป้าหมายอยู่ที่เข็มขัดแชมป์โลกรุ่นจูเนียร์เฟเธอร์เวตของ IBF ที่เพื่อนร่วมชาติของเขา ยูกิโนริ โองูนิ นั้น กำลังถือครองอยู่ในปัจจุบันนี้


09 โช คิมูระ.jpg



และนักชกญี่ปุ่นรายสุดท้ายล่าสุด ที่สามารถคว้าแชมป์โลกมาได้จากนอกบ้านนั้นก็คือ โช คิมูระ (15-1-2; 8KO) ที่บุกไปพลิกล็อคชนะ TKO โจว ซื่อ หมิง ซูเปอร์สตาร์ชาวจีนคาถิ่นยกที่ 11 ในมหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 ที่ผ่านมา  อย่างที่เรานั้นได้ทราบกันไปแล้วว่า คิมูระนั้นก็คือนักชกจากแดนซามูไรรายที่ 9 (หรือ 7 อย่างเป็นทางการ) ที่ได้ครองแชมป์โลกจากการชิงชัยอย่างต่างแดนนั่นเอง ซึ่งทางคิมูระนั้นก่อนที่จะเดินทางไปชิงแชมป์โลกในไฟต์นี้ ทางสิงห์หยกผู้เป็นนายใหญ่นั้น ได้ส่งตัวเขามาชุบตัวอยู่ที่ค่าย 13 เหรียญ รีสอร์ท และ ค่ายเกียรติกรีรินทร์ ในเมืองไทยของเราด้วย อย่างไรก็ดีหลังจากที่ได้ครองแชมป์โลกแล้ว ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า คิมูระนั้นจะขึ้นป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกหนแรกเมื่อไหร่และกับใครกันแน่ ซึ่งจากข่าวล่าสุดนั้นมีรายละเอียดมาว่า คิมูระนั้นมีทางเลือกอยู่ 4 ทางด้วยกัน คือ ให้ โจว ซื่อ หมิง อดีตแชมป์โลกแดนมังกรแก้มือ หรือขึ้นป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกในไฟต์บังคับกับ โตชิยูกิ อิการาชิ อดีตแชมป์โลกรุ่นฟลายเวตของ WBC ที่ปัจจุบันเป็นรองแชมป์โลกอันดับสูงสุดในรุ่น 112 ปอนด์ของ WBO อยู่นั่นเอง ส่วนทางเลือกที่ 3 และ 4 นั่นก็คือการขึ้นล้มแชมป์โลกกับเจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกต่างสถาบันเพื่อนร่วมชาติ ซึ่งก็คือ คาซูโตะ อิโอกะ แชมป์โลกของ WBA และ ไดโกะ ฮิกะ แชมป์โลกของ WBC  แต่จากรายงานข่าวจากประเทศจีนนั้นระบุว่า มีความเป็นได้ว่าในท้ายที่สุดแล้ว โจว ซื่อ หมิง นั้น อาจจะได้รับเลือกให้เป็นผู้ท้าชิงคนแรกของทางคิมูระมากกว่าทางเลือกอื่น ซึ่งเราคงจะต้องรอดูกันต่อไปว่าจะจริงอย่างที่สำนักข่าวโส้วหูของจีนรายงานไว้หรือไม่



และเพราะว่าสถิติมีไว้เพื่อทำการบันทึกต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ดังนั้นใครจะเป็นนักชกญี่ปุ่นรายต่อไปที่สามารถชิงแชมป์โลกมาได้จากต่างแดนนั้น  แฟนมวยโลกพันธุ์แท้ทั้งหลายก็ช่วยบันทึกต่อกันไปด้วยก็แล้วกันนะครับ

 



Attachments
__________________

Boxing-Boy's Homepage

BBH on Twitter

BBH Fanpage
 

Website Hit Counter
HTML Counter



Guru

Status: Offline
Posts: 1374
Date:
Permalink  
 

เห็นแล้ว มวยของบ้านเราน่าจะพัฒนาบ้างนะ จัดเองแล้วก็เจ๊งอยู่บ่อยๆ

__________________


Guru

Status: Offline
Posts: 812
Date:
Permalink  
 

อูเอฮาร่า นักชกกำปั้นหนักคนที่ี 4 นี้ ดูไกล ๆ แต่แรกคิดว่า เจ้าแสบ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ มายืน ชูมือให้ดู ครับ.... หากว่าเทียบจำนวนรายแล้วนักชกไทยเรายังมีน้อยรายกว่าของ ญี่ปุ่นหลายรายเลย ก็มีเจ้าแหลม ศรีส:เกษ นครหลวงโปรโฒชั่น นี่ที่เป็นรายล่าสุด ชิงกลับมาได้เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2560 อ้อยังรอความหวังอรกราย เย็นนี้ พลังพล ออกนอกบ้านไปชิง ที่ ญี่ปุ่น ยังไม่ทราบว่า ....ชิงได้ หรือ ได้แค่ไปชิง ครับ 555,

__________________
Page 1 of 1  sorted by
 
Quick Reply

Please log in to post quick replies.

Tweet this page Post to Digg Post to Del.icio.us

Website Hit Counter
HTML Counter


Create your own FREE Forum
Report Abuse
Powered by ActiveBoard